ผักแต่ละชนิดให้ประโยชน์ที่แตกต่างกัน หากเลือกทานตามความต้องการของร่างกายก็จะส่งผลให้คุณนั้นมีสุขภาพที่ดี ไม่ป่วยง่าย แต่มีผักบางชนิดเมื่อทำสุกแล้วจะให้ประโยชน์มากกว่าการทานแบบดิบๆ เพราะการนำมาทานแบบดิบในปริมาณที่มากเกินไปนั้นจะให้โทษมากกว่าให้ประโยชน์ โดยเฉพาะกับผู้ป่วยบางโรคที่ร่างกายไม่สามารถขับสารพิษได้ดีเหมือนคนทั่วๆไป จึงควรระมัดระวังในเรื่องของการทานผักแบบดิบๆ หากเลี่ยงได้ควรเลี่ยง เพราะมันจะส่งผลเสียต่อร่างกายของคุณเป็นอย่างมาก เรามาดูกันเลยว่าผักที่ไม่ควรทานดิบในปริมาณที่มากจนเกินไปมีอะไรบ้าง มาดูกันเลย ถั่วฝักยาว : ในถั่วฝักยาวดิบส่วนมากจะมีสารปนเปื้อน หรือยาฆ่าแมลง หากล้างน้ำไม่สะอาดพอ และนำมาทานแบบดิบๆ บ่อยครั้งจะส่งผลให้เกิดอาการ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียได้ง่าย ดังนั้นหากใครเป็นคนที่ชอบทานถั่วฝักยาวดิบเป็นประจำควรล้างทำความสะอาดให้ดี หรือแช่น้ำเกลือไว้นานๆ ถ้าจะให้ดีมากยิ่งขึ้นควรนำไปต้มแล้วทานแบบสุกจะปลอดภัยกว่า ถั่วงอก : สำหรับถั่วงอกจัดเป็นผักที่คนนิยมนำมาทานดิบกันเป็นจำนวนมาก แต่ทราบกันมั๊ยคะว่าในถั่วงอกนั้นมีสารปนเปื้อนแบคทีเรียซัลโมเนลลา อีโคไล และยังมีสารโซเดียมซัลไฟต์ ซึ่งเป็นสารฟอกขาว ที่พ่อค้าแม่ค้า นำมาใส่เพื่อรักษาความสดของถั่วงอกให้เก็บไว้ขายได้นานยิ่งขึ้น ดังนั้นหากใครทานผักชนิดนี้ในปริมาณที่มากจนเกินไปจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง หายใจขัด และทำให้ความดันโลหิตต่ำลงได้ แต่หากใครชื่นชอบถั่วงอกเป็นชีวิตจิตใจ ควรนำไปทำให้สุกก่อนทานทุกครั้งเพื่อทำลายเชื้อแบคทีเรีย และสารฟอกขาวให้หมดไปจะได้ไม่เกิดอันตรายแก่ร่างกายในระยะยาวกันะคะ กะหล่ำปลี : เชื่อได้ว่าหลายคนคงไม่ทราบกันว่ากระหล่ำปลีที่เราคุ้นเคยกันดีนั้น เป็นผักที่ไม่ควรทานดิบในปริมาณมากๆ เพราะในกระหล่ำปลี มีสารออกซาเลต (Oxalate) ที่จะไปจับกับแคลเซียมที่กรวยไต จนกลายเป็นสารแคลเซียมออกซาเลต ซึ่งหากมีสารตัวนี้ที่กรวยไตในปริมาณที่มากก็จะเสี่ยงต่อโรคนิ่วในไต อีกทั้งในกะหล่ำปลีดิบยังมีน้ำตาลชนิดหนึ่ง ซึ่งคนที่มีปัญหาในระบบย่อยอาหารอาจย่อยน้ำตาลชนิดนี้ไม่ได้ และอาจนำไปสู่อาการท้องอืด แน่นท้อง แต่หากนำกะหล่ำปลีไปปรุงสุก…